สถานที่ท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี
นี่คือภาพของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดเพชรบุรี ที่แสดงบรรยากาศสวยงามของพระนครคีรี (เขาวัง) บนยอดเขาและสถาปัตยกรรมไทยโบราณท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวสดชื่น หวังว่าจะตรงกับที่ต้องการครับ
พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี: เอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่งดงาม
พระนครคีรี หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “เขาวัง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเพชรบุรี ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่มองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่มีความงดงามทางธรรมชาติ แต่ยังสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยในอดีตที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และเรียนรู้
ประวัติความเป็นมา
พระนครคีรีถูกสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เมื่อปี พ.ศ. 2400 เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน โดยพระองค์ทรงเลือกทำเลที่ตั้งซึ่งเหมาะสมบนยอดเขา เพื่อเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันกว้างขวางและลมเย็นสบาย พื้นที่นี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นกลุ่มอาคารศิลปะผสมผสานระหว่างไทย จีน และยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมต่างประเทศที่เข้ามาในสมัยนั้น และยังคงได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงบรรยากาศและประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า
สิ่งที่น่าสนใจในพระนครคีรี
เขาวังประกอบด้วยกลุ่มอาคารหลัก 3 แห่ง ได้แก่ พระราชวังวัง พระราชวังจันทร์เกษม และวัดพระแก้ว ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่บนยอดเขาต่างระดับ แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์และเรื่องราวของตัวเอง ได้แก่:
พระที่นั่งพระราชวังจันทร์เกษม - เป็นพระที่นั่งสำคัญที่ใช้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์ โดยมีหอพระและห้องทรงพระอักษร ซึ่งเต็มไปด้วยงานศิลป์และเครื่องเรือนอันงดงาม
พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท - โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ที่งดงาม เสาหินอ่อนและการประดับลวดลายต่าง ๆ ให้ความรู้สึกหรูหรา นอกจากนี้ยังมีหอระฆังที่สามารถชมวิวของเมืองเพชรบุรีได้กว้างไกล
วัดพระแก้ว - เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบ
บรรยากาศและการเดินทาง
การเยี่ยมชมเขาวังนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินขึ้นเขาหรือนั่งกระเช้าไฟฟ้าที่ให้บริการขึ้นไปถึงยอดเขาได้ บรรยากาศระหว่างทางมีความร่มรื่นและสดชื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ทั้งยังมีจุดชมวิวหลายแห่งที่สามารถเห็นทิวทัศน์ของเมืองเพชรบุรีและพื้นที่โดยรอบได้อย่างชัดเจน
พระนครคีรีเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย และสัมผัสบรรยากาศของอดีตที่หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว นอกจากจะได้ชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมที่สวยงามแล้ว เขาวังยังเป็นสถานที่ซึ่งคนไทยควรมาเยี่ยมเยือนสักครั้งในชีวิต เพื่อสัมผัสถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและความรุ่งเรืองของอดีต
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี: สวรรค์แห่งธรรมชาติในป่าฝนเมืองไทย
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบุรีและบางส่วนครอบคลุมถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,914 ตารางกิโลเมตร แก่งกระจานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าฝน เขาหินปูน และสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติและผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองสู่ความเงียบสงบของป่า
เสน่ห์ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
แก่งกระจานขึ้นชื่อว่าเป็น "แอมะซอนแห่งเมืองไทย" เนื่องจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่ยังคงสมบูรณ์และหลากหลายทางชีวภาพ บรรยากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี พร้อมด้วยเส้นทางศึกษาธรรมชาติและจุดชมวิวที่สวยงาม จุดเด่นสำคัญของแก่งกระจานประกอบไปด้วย:
ทะเลสาบแก่งกระจาน
ทะเลสาบแก่งกระจานเกิดจากการสร้างเขื่อนแก่งกระจาน ทำให้เกิดทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีเกาะเล็ก ๆ และทิวทัศน์สวยงามล้อมรอบ ทะเลสาบเป็นสถานที่เหมาะแก่การล่องเรือ ชมวิว หรือถ่ายภาพในบรรยากาศยามเช้าที่หมอกปกคลุมเหนือผืนน้ำ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและชื่นชมบรรยากาศเงียบสงบเขาพะเนินทุ่ง
จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและสามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมป่าเขาเขียวชอุ่ม วิวที่นี่ถือเป็นหนึ่งในทะเลหมอกที่สวยที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งสามารถเห็นทะเลหมอกคลี่ตัวคลุมป่าทั้งผืนอย่างงดงาม นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถชมดาวในยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนน้ำตกธารทิพย์
น้ำตกสูงชันและไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ น้ำตกธารทิพย์เป็นจุดที่น่าเยี่ยมชมสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับเสียงน้ำไหลริน นอกจากนี้ยังมีจุดเหมาะสำหรับการถ่ายภาพธรรมชาติและปิกนิกผีเสื้อพันธุ์หายากและสัตว์ป่านานาชนิด
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น สมเสร็จ ชะนี ค่าง และสัตว์เลื้อยคลาน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมผีเสื้อที่มีพันธุ์หายากกว่า 200 ชนิด ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อคือระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ผีเสื้อออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะที่โป่งลึก-บางกลอย
กิจกรรมในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
แก่งกระจานมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เช่น การเดินป่า การล่องเรือชมทะเลสาบ การตั้งแคมป์ชมวิวทะเลหมอก การปั่นจักรยาน การดูนก และการถ่ายภาพสัตว์ป่า ซึ่งอุทยานมีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางสำหรับนักผจญภัย เช่น เส้นทางเขาพะเนินทุ่งที่สามารถเดินชมทะเลหมอกและทิวทัศน์ของป่าเขาได้ตลอดเส้นทาง
เคล็ดลับการเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาที่แก่งกระจาน นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า เนื่องจากในบางช่วงของปีอาจมีการปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ หากต้องการขึ้นไปยังเขาพะเนินทุ่ง ต้องนั่งรถที่อุทยานจัดไว้เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย แนะนำให้นำเสื้อผ้าและอุปกรณ์เดินป่าที่เหมาะสม และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในบางจุด
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการผจญภัยไปกับธรรมชาติและสัมผัสถึงความหลากหลายของป่าเขาไทย เป็นจุดหมายปลายทางที่ทำให้เราได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามริมทะเลในจังหวัดเพชรบุรี
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี: พระราชวังริมทะเลที่อบอวลด้วยความสง่างามและความเงียบสงบ
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบไทยและตะวันตก ท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลที่ร่มรื่น พระราชนิเวศน์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีความตั้งใจให้เป็นพระราชวังสำหรับการพักผ่อนในฤดูร้อน ซึ่งสะท้อนถึงความประณีตและงดงามของสถาปัตยกรรมไทยแบบโบราณที่ผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
ประวัติความเป็นมา
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงต้องการสร้างพระราชวังพักผ่อนริมทะเลที่มีอากาศสดชื่นและเย็นสบาย โดยเลือกใช้ไม้สักทองที่มีความแข็งแรงและสวยงามเพื่อสร้างพระราชนิเวศน์นี้ การออกแบบที่ลงตัวถูกทำให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์ในการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไทยกับสไตล์โคโลเนียล ทำให้พระราชวังนี้ดูสวยงามคลาสสิกและโปร่งสบาย
สถาปัตยกรรมและการออกแบบ
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันถูกสร้างด้วยโครงสร้างไม้สักทั้งหลัง ยกพื้นสูงบนเสาค้ำเพื่อระบายอากาศ ซึ่งช่วยป้องกันความชื้นจากทะเลและทำให้อากาศภายในเย็นสบาย อาคารทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินยาวที่มีหลังคาปกคลุม โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วน ได้แก่ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระที่นั่งพิศาลสาคร และ พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ ซึ่งแต่ละส่วนถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ละพระที่นั่งมีการตกแต่งภายในที่ประณีตและเรียบง่าย องค์ประกอบของสีและการใช้แสงส่องผ่านหน้าต่างทำให้พระราชวังดูมีความสงบและผ่อนคลาย
สถานที่สำคัญภายในพระราชนิเวศน์
พระที่นั่งสมุทรพิมาน - เป็นพระที่นั่งหลักของพระราชนิเวศน์ ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนของรัชกาลที่ 6 ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และรายละเอียดที่เรียบง่ายแต่งดงาม บรรยากาศภายในพระที่นั่งนี้เงียบสงบและเย็นสบายด้วยสายลมทะเล
พระที่นั่งพิศาลสาคร - เป็นที่พักผ่อนของเจ้านายฝ่ายใน พระที่นั่งนี้มีบรรยากาศที่โปร่งสบายด้วยหน้าต่างและประตูไม้ที่เปิดรับลมได้จากทุกด้าน ทำให้การพักผ่อนที่นี่รู้สึกถึงความสงบและผ่อนคลาย
พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ - เป็นอาคารที่ใช้จัดงานเลี้ยงหรือสังสรรค์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่โล่งโปร่ง สามารถมองเห็นวิวทะเลได้กว้างไกล เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและชมทิวทัศน์ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
กิจกรรมและบรรยากาศ
ปัจจุบันพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมความงดงามของพระราชวัง ถ่ายภาพในมุมสวย ๆ ชมวิวทะเล และเดินเล่นในสวนร่มรื่นที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ไทยพื้นเมือง อาทิ ต้นลีลาวดีและต้นมะพร้าว บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวายและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติริมทะเล
เคล็ดลับการเยี่ยมชม
หากนักท่องเที่ยวต้องการเยี่ยมชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ควรสวมใส่ชุดที่สุภาพและเหมาะสม เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ควรเดินชมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพความสมบูรณ์ของสถานที่ ผู้เยี่ยมชมยังสามารถเพลิดเพลินกับร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกและห้องน้ำที่อำนวยความสะดวกในบริเวณใกล้เคียง
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรม การออกแบบที่ลงตัวกับธรรมชาติ และบรรยากาศที่เงียบสงบ สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงความงามของวัฒนธรรมไทย
ขนมเมืองเพชรบุรี
ขนมหม้อแกง: ขนมหวานเลื่องชื่อจากจังหวัดเพชรบุรีที่ครองใจคนไทย
ขนมหม้อแกง เป็นขนมหวานไทยโบราณที่มีรสชาติหอมหวานและเนื้อนุ่มละมุน ถือเป็นขนมประจำถิ่นของจังหวัดเพชรบุรีที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ความพิเศษของขนมหม้อแกงเพชรบุรีอยู่ที่การใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นที่สดใหม่ โดยเฉพาะน้ำตาลโตนดซึ่งช่วยเพิ่มความหวานหอมและเอกลักษณ์ของขนมชนิดนี้ได้อย่างลงตัว
ประวัติและความเป็นมาของขนมหม้อแกง
ขนมหม้อแกงมีต้นกำเนิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในอดีตขนมหม้อแกงได้รับอิทธิพลมาจากขนมหวานของโปรตุเกส โดยมีการปรับสูตรให้เข้ากับวัตถุดิบและรสชาติที่ถูกปากคนไทย ทำให้กลายเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ขนมหม้อแกงได้กลายเป็นขนมประจำท้องถิ่นของเพชรบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีวัตถุดิบหลักอย่างน้ำตาลโตนดและมะพร้าวอย่างอุดมสมบูรณ์
ลักษณะและรสชาติของขนมหม้อแกง
ขนมหม้อแกงมีลักษณะเป็นขนมอบในถาด มีเนื้อเนียนละเอียดและนุ่มฟู เมื่ออบจนสุกจะมีหน้าขนมสีเหลืองทอง หอมกลิ่นน้ำตาลโตนดและมะพร้าวไหม้เล็กน้อย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของขนมหม้อแกงเพชรบุรี ขนมหม้อแกงเพชรบุรีมีรสชาติหวานหอมพอดี ไม่เลี่ยนจนเกินไป และยังคงความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน
วัตถุดิบและการทำขนมหม้อแกง
วัตถุดิบหลักที่ใช้ทำขนมหม้อแกง ได้แก่
- ไข่ไก่หรือไข่เป็ด ที่ช่วยให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม
- น้ำตาลโตนด จากท้องถิ่นเพชรบุรี ซึ่งมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว
- หัวกะทิสด ที่เพิ่มความมันและเนื้อสัมผัสที่ละมุน
- แป้งข้าวเจ้า ที่ทำให้เนื้อขนมหม้อแกงมีความเหนียวนุ่มกำลังดี
หลังจากผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกันแล้ว ส่วนผสมจะถูกเทลงในถาดและนำเข้าอบจนกระทั่งขนมสุกและหน้าขนมเป็นสีทองอมน้ำตาลสวยงาม บางร้านอาจเพิ่มถั่วทองโรยหน้าเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบและเพิ่มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ขนมหม้อแกงเพชรบุรีในปัจจุบัน
ขนมหม้อแกงเพชรบุรีกลายเป็นขนมที่ใครๆ ต่างรู้จักและถือเป็นสินค้าฝากยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเพชรบุรี โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขนมโบราณที่เรียงรายอยู่บนถนนเพชรบุรี หรือตามตลาดและร้านขายของฝากในพื้นที่ ซึ่งแต่ละร้านมักจะมีสูตรเฉพาะและเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป ทำให้ขนมหม้อแกงแต่ละเจ้ามีรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัว
เคล็ดลับการเก็บรักษาและการรับประทาน
ขนมหม้อแกงมีอายุการเก็บรักษาที่ไม่ยาวนานนัก เนื่องจากไม่ใส่สารกันบูด จึงควรรับประทานภายใน 2-3 วันเพื่อความสดใหม่ และสามารถอุ่นขนมหม้อแกงโดยใช้เตาอบหรือไมโครเวฟเพียงเล็กน้อย เพื่อคืนความหอมและเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ ๆ
ขนมหม้อแกงของเพชรบุรีไม่เพียงแต่เป็นขนมหวานที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา ทำให้ขนมหม้อแกงยังคงเป็นขนมที่ครองใจคนไทยได้ไม่เสื่อมคลาย


อยากไปเที่ยวเพชรบุรีค่ะ
ReplyDelete